แนวทางการติดต่อราชการในการรับสิ่งของที่นำเข้า-ส่งออกทางไปรษณีย์
1. เอกสารที่ต้องนำมาแสดง ในการติดต่อรับสิ่งของ
จากส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ หรือด่านศุลกากร หรือที่ที่ทำการไปรษณีย์
1.1 กรณีผู้มีชื่อรับเป็นบุคคลธรรมดา ในใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
(NOTIFICATION TO COLLECT INTERNATIONAL POSTAL ITEMS)
1.1.1 ขอรับสิ่งของด้วยตนเอง
- บัตรประจำตัวประชาชน
หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ หรือหนังสือเดินทาง (กรณีผู้รับของเป็นชาวต่างชาติ) ของผู้มีชื่อรับของตามที่ระบุในใบแจ้งฯ - ใบแจ้ง ฯ
1.1.2 มอบอำนาจให้ผู้อื่นมารับสิ่งของแทนตน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ
(ลงนามรับรองสำเนา)
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ลงนามรับรองสำเนา)
- ใบแจ้ง ฯ
โดยให้ผู้มีชื่อรับของบันทึกรายละเอียดการมอบอำนาจให้แก่ผู้รับมอบอำนาจ
พร้อมลงลายมือชื่อรับรองทั้ง 2 ฝ่าย
ที่ด้านหลังใบแจ้งฯ
1.2 กรณีผู้รับสิ่งของเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัท ห้างฯ ร้าน
เป็นต้น
1.2.1 ผู้มีอำนาจมารับด้วยตนเอง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการ
หรือของผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารผูกพันนิติบุคคลนั้น ๆ
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
ห้างฯ ร้าน (สำเนา) รับรองสำเนาพร้อมประทับตราบริษัท
- ใบแจ้ง ฯ (ผู้มีอำนาจ
ต้องลงนามพร้อมประทับตราบริษัทลงในด้านหลังใบแจ้งฯ)
1.2.2 นิติบุคคลมอบอำนาจให้ผู้อื่นมารับแทน
- เอกสารข้างต้นตามข้อ 2.1
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบ
- ใบแจ้งฯ
(ผู้มีอำนาจลงนามพร้อมประทับตราบริษัทในแบบฟอร์มการมอบอำนาจด้านหลังใบแจ้งฯ)
*** หมายเหตุ ***
ผู้รับมอบอำนาจ
จะมอบอำนาจต่อให้บุคคลอื่นอีกมิได้
2. ขั้นตอนในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรนำเข้า-ส่งออกทางไปรษณีย์
2.1พิธีการศุลกากรนำเข้าทางไปรษณีย์
การคัดแยกสิ่งของส่งทางไปรษณีย์เพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากร
สิ่งของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยทางไปรษณีย์
จะถูกเปิดตรวจโดยเจ้าหน้าที่ ศุลกากรร่วมกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
เพื่อตรวจคัดแยกในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ก่อนส่งมอบให้กับผู้มีชื่อรับรอง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1: ของยกเว้นอากร คือ ของที่มีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. ของแต่ละหีบห่อมีราคาไม่เกิน 1,500.-
บาท (หนึ่งพันห้าร้อยบาทถ้วน) หรือ
2. ตัวอย่างสินค้าที่ใช้ได้แต่เพียงเป็นตัวอย่างและไม่มีราคาในทางการค้า
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
เป็นผู้ดำเนินการนำของไปส่งมอบให้แก่ผู้ที่มีชื่อรับของตามจ่าหน้า ทั้งนี้
ต้องไม่เป็นของต้องห้ามหรือต้องกำกัด ในการนำเข้า
ประเภทที่ 2: ของต้องชำระอากร
คือ
ของที่ส่งจากผู้ส่งคนหนึ่งถึงผู้รับคนหนึ่งในคราวเดียวกัน หรือเข้ามาถึงพร้อมกัน
ไม่ว่าจะกี่หีบห่อ หากมีราคา FOB (Free On Board) รวมกันไม่เกิน 40,000.- บาท(สี่หมื่นบาทถ้วน) และไม่เป็นของต้องห้าม ต้องกำกัด
หรือไม่เป็นของต้องส่งตัวอย่างวิเคราะห์สินค้าก่อนปล่อย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประเมินราคาและค่าอากร
แล้วส่งมอบของให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำส่งไปที่ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง
เพื่อส่งมอบของให้แก่ ผู้มีชื่อรับของและเรียกเก็บอากรแทนกรมศุลกากร โดยบริษัท
ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออกใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ (Notification
to Collect International Postal Items) และส่งไปให้ผู้มีชื่อรับของเพื่อแจ้งให้ไปรับของและชำระอากร
ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่ระบุไว้ในใบแจ้งฯ
โดยที่ทำการไปรษณีย์จะเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินแทนกรมศุลกากร
กรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจพบว่าของรายใดมีปัญหาในการประเมินราคา
หรือผู้มีชื่อรับของต้องการใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากร
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะคัดแยกของดังกล่าวเป็นของประเภทที่ 3
การโต้แย้งการประเมินค่าภาษีอากร
(ของประเภทที่ 2)
กรณีที่ผู้รับของไปติดต่อขอรับสิ่งของที่ที่ทำการไปรษณีย์
และมีค่าภาษีอากรที่จะต้องชำระสำหรับสิ่งของนั้น ๆ
หากผู้รับของประสงค์ที่จะโต้แย้ง การประเมินค่าภาษีอากร
ให้ทำคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจัดทำคำร้องขออุทธรณ์การประเมินราคา/ภาษีอากร สามารถพิมพ์แบบคำร้องได้ที่
http://www.postalcustoms.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538637059
พร้อมแนบ ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี เช่น
บัญชีราคาสินค้า (Invoice)
เป็นต้น)
ส่งถึงส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ
กรมศุลกากร โดยตรง
หรือส่งผ่านที่ทำการไปรษณีย์ที่ไปติดต่อรับของ แต่ทั้งนี้
ผู้รับของจะต้องยังไม่ชำระค่าภาษีอากร โดยเมื่อมีการยื่นคำร้องอุทธรณ์แล้ว
ที่ทำการไปรษณีย์จะจัดส่งสิ่งของที่ได้อุทธรณ์นั้นไปยังส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์
เพื่อพิจารณาคำร้องอุทธรณ์ค่าภาษีอากรนั้นต่อไป
และให้ผู้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ไปติดต่อขอรับของพร้อมชำระค่าภาษีอากรได้ที่ฝ่ายตรวจคัดไปรษณียภัณฑ์
ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ เลขที่ 111 ซอยแจ้งวัฒนะ 5 ถนนแจ้งวัฒนะ
แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
ประเภทที่ 3 : ของอื่น ๆ นอกจากประเภทที่ 1 และ 2
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะส่งมอบของให้
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อส่งไปเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้า โดยบริษัท
ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออก ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ (Notification
to Collect International Postal Items) แล้วส่งไปให้ผู้มีชื่อรับของ
เพื่อแจ้งให้ไปปฏิบัติพิธีการศุลกากรและขอรับของ ที่ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์
ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ หรือด่านศุลกากรที่ระบุไว้ในใบแจ้งฯ
การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับของประเภทที่ 3 สามารถดำเนินการได้ 2 กรณี คือ
1. กรณีของราคาไม่เกิน
40,000.- บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน)
ผู้รับของไม่ต้องจัดทำใบขนสินค้าขาเข้า
โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประเมินราคาและ จัดเก็บค่าภาษีอากร ณ จุดเดียวกัน
โดยมีขั้นตอนการขอรับสิ่งของทางไปรษณีย์ ดังนี้
- กรอกเอกสารด้านหลังใบแจ้งฯ (ตามตัวอย่างที่จัดแสดงไว้)
ยื่นเอกสารที่โต๊ะเบอร์ 3 รับหมายเลขบัตรคิว
แล้วนั่งรอเรียกรับของ
- เปิดของร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามช่องที่ได้รับเรียกเพื่อประเมินราคาค่าภาษีอากร
ชำระค่าภาษีอากรแล้วรับใบปล่อยของจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร
- ยื่นใบปล่อยของที่จุดตรวจสอบหน้าประตูทางเข้าก่อนออกจากด่านศุลกากร
- ขั้นตอนในการดำเนินการขอรับของดังกล่าวใช้ระยะเวลา
36 นาที
2. กรณีของมีราคาเกินกว่า
40,000.- บาท
(สี่หมื่นบาทถ้วน)
ผู้รับของจะต้องจัดทำใบขนสินค้าขาเข้า
และส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าระบบคอมพิวเตอร์กรมศุลกากร
(ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์
ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้า และมี Counter
Service ให้บริการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์)
โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากร
หรือดำเนินการในกระบวนการศุลกากร ที่ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์
(กรณีที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน)
- ผู้รับของส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์
(สามารถใช้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้ที่ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์)
- ผู้รับของชำระภาษีอากร
- ผู้รับของติดต่อคลังสินค้าเพื่อนำของมาตรวจปล่อย
- เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจของตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
และบันทึกผลการตรวจปล่อยในระบบคอมพิวเตอร์ ใช้ระยะเวลา
30 นาที (ทั้งนี้
ไม่รวมถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่สงสัยหรือตรวจพบความผิดซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาตรวจสอบโดยละเอียด)
- ผู้รับของนำของไปจากอารักขาของศุลกากร
2.2 พิธีการส่งออกสินค้าทางไปรษณีย์ สามารถดำเนินการได้
2 กรณี คือ
2.2.1 กรณีฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ไปต่างประเทศ
ให้กระทำได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งตามระเบียบข้อบังคับของ บริษัทไปรษณีย์ไทย
จำกัด โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ทั้งนี้
ต้องอยู่ภายในบังคับของเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ไม่เป็นของต้องห้ามในการส่งออก
- ไม่เป็นของต้องกำกัดในการส่งออก
- ไม่เป็นของต้องเสียอากร หรือค่าภาคหลวงในการส่งออก
- การส่งจากผู้ส่งคนหนึ่งไปถึงผู้รับคนหนึ่ง
ไม่ว่าจะมีจำนวนกี่ห่อ มีราคารวมกันคราวหนึ่งไม่เกิน 10,000.-
บาท สำหรับของทั่วไป หรือไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับเพชรพลอย
เครื่องรูปพรรณทองคำ และเครื่องรูปพรรณทองคำขาว
- มิใช่การส่งออกที่ขอคืนอากร หรือขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
- มิใช่การส่งออกที่ขอใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามา
2.2.2. กรณีไม่เป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น
ผู้ส่งออกต้องจัดทำใบขนสินค้าขาออกทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากร
หรือดำเนินการในกระบวนการศุลกากร ที่ ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์
(กรณีที่ยังไม่เคยลงทะเบียน มาก่อน)
- ผู้ส่งออกส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาออกทางอิเล็กทรอนิกส์
(สามารถใช้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้ที่ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์)
- ผู้ส่งออกชำระภาษีอากร (ถ้ามี)
- ผู้ส่งออกจัดทำใบกำกับการขนย้าย
(สามารถใช้บริการได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส
- ผู้ส่งออกนำของให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกรณีเป็นใบขนสินค้าติดเงื่อนไขให้เปิดตรวจ(Red Line) ใช้ระยะเวลา 30 นาที (ทั้งนี้
ไม่รวมถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่สงสัยหรือตรวจพบความผิดซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาตรวจสอบโดยละเอียด)
- ผู้ส่งออกนำของส่งออกไปฝากส่ง ณ
ที่ทำการไปรษณีย์
- ผู้ส่งออกนำหลักฐานการส่งออก
แจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรรับบรรทุก
3. อัตราค่าธรรมเนียม
3.1 การผ่านพิธีการศุลกากร
และตรวจปล่อยสินค้าสำหรับใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก ฉบับละ 200 บาท
3.2 การบันทึกข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก ฉบับละ 70 บาท
4. แบบฟอร์มที่ใช้ปฏิบัติพิธีการศุลกากรและขอรับของ
- คำร้องขออุทธรณ์การประเมินค่าภาษีอากร
(กรณีโต้แย้งการประเมินราคา/ภาษีอากร) โดยสามารถพิมพ์แบบคำร้องได้ที่ http://www.postalcustoms.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538637059